Trends & Lifestyle

 

บินตรงจากเชียงใหม่ไป...ย่างกุ้ง

เห็นกระแสนายแบบหน้าหล่อหนุ่มพม่าฮอตฮิต เรามีโอกาสไปเที่ยวพม่ามาก่อนจึงอาสาพาไป 3 เมือง ย่างกุ้ง - ไจ้ทิโย - เมาะละแหม่ง โดยนั่งเครื่องบินตรง จากเชียงใหม่ - ย่างกุ้ง โดยสายการบิน Bangkok Airways เช็คราคาช่วงนี้ไป-กลับอยู่ที่หกพันกว่าบาทถือว่าไม่แพงมากครับ บินตรงด้วย(ไม่ได้มีสปอนเซอร์นะอิอิ) ปะเราไปพม่ากันเถอะ.....

จากสนามบินเชียงใหม่ ถึงสนามบินย่างกุ้งใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

ข้างในสนามบินก็ดูดีไฮโซใช้ได้เลยครับ 
 

ถึงแล้วก็หาที่แลกเงินในสนามบินมีครับเรทก็ถือว่าใช้ได้ไม่กดราคาเกินไป แต่เราต้องเตรียมเงิน us ไปแลกนะครับและตอนเตรียมเงิน usไปบอกเขาด้วยว่า "ไปพม่านะครับ "อันนี้ย้ำได้เลยเพราะที่นี่เขาจะไม่รับแบงค์เก่า

มนุษย์คนแรกที่ปฏิสัมพันธ์ก็ พี่ taxi เราดูโหงเฮ้งแล้วใจดีราคาประมาณ 8 us ก็ถือว่าใช้ได้ครับ  ถ้า 9-10 us นี่แพงนะครับแต่ส่วนใหญ่จะโดนเรียก 10 us ไว้ก่อน

ตึกที่พักจะเป็นลักษณะตึกเก่าครับ และจะใช้งานด้านบนทำเป็นโรงแรมด่านล่างจะทำอย่างอื่น

ขึ้นไปข้างบนก็มีหลายโบสให้เราได้กราบไหว้ครับ แต่แนะนำใส่รองเท้าที่ไม่ต้องใส่ถุงเท้าครับ เพราะเขาต้องเราถอดตลอด  และเตรียมถุงใส่รองเท้าด้วยก็ดีครับ 

บรรยากาศสภากาแฟยามเช้า

วัยรุ่นที่นี่นิยมใส่ ทานาคา และยังใส่โสร่งกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งถือว่าเป็นวิถีชีวิตที่งดงาม จนบางครั้งพอเห็นคนแต่งตัวตามสมัยเลยดูเป็นเรื่องแปลกไปเลย 

หญิงสาวรอรถเมล์ไปทำงานชีวิตยาวเช้า ที่ไม่ต่างจากบ้านเรา แต่เขาน่ารักตรงมีปิ่นโตและนุ่งผ้าซื่นนี่แหละ

รถเมล์ที่แออัดไม่ได้น้อยกว่า กทมฯ

อาหารยอดนิยม ที่คุณจะเห็นเยอะมาก คล้าย พะโล้บ้านเราแต่นำมาเสียบไม้จิ้มนำ้จิ้ม 3รส ผมว่าน้ำจิ้ม โอเคเลยนะครับ

พาไปไจ้ทิโยโดยรถไฟต่อครับ ย่างกุ้งเราจะกลับมาเก็บอีกรอบขากลับครับ

นั่งรถไฟไปอ่านหนังสือไปชิล

การนั่งรถไฟในพม่าผมแนะนำให้ทุกคนต้องลองครับ  เพราะมันจะมีทั้งความสวยงามของวิวสองข้างทางได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านและความตื่นเต้น 
ที่ฝรั่งเขาเรียก rock and roll น่านแหละครับเพราะมันจะเขย่าทั้งร่างของคุณราวกับจะจับเหวี่ยงให้เรากระเด็นออกจากรถ คุณลองจินตนาการเรานั่งในรถไฟแล้วมียักษ์สักตนมายืนเขย่า แบบนั้นแหละครับเหมือนจะมีความรู้สึกว่ารถจะต้องตกรางหรือถูกเหวี่ยงออกจากรางยังไงยังงั้น ไม่เชื่อลองสักครั้งครับ แต่เส้นทางที่หนักสุดก็จาก เมาะละแหม่งกลับมาย่างกุ้งครับอันนั้นแทบจะปลิวออกจากรถเลย

ถึงละครับใช้เวลาประมาณ 5 ชม. สถานีไจ้ทิโย หลังจากนั้นเราต้องขึ้นรถสองแถวเพื่อจะไปที่ท่ารถหรือคล้ายทางขึ้นพระธาตุนะครับ

สภาพรถก็ใช้ได้เลยถ้าคนเยอะก็นั่งข้างบนแต่เรารอครับเขาออกทุก15-30 นาทีไม่ต้องห่วงรอคันต่อไป

นี่รถที่ผมนั่ง ทุกคนรู้งานหมดดูจากการสวมหมวกเตรียมความพร้อม เพราะร้อนมาก

มาสักพักถึงละครับท่ารถที่จะนำพาเราไปสู่พระธาตุใช้เวลาไม่นานครับข้างล่างก็มีทั้งรถทัวร์ อาหารการกินเพียบ แล้วหลังจากนั้นเราต้องหาขึ้นรถ ขนหมูต่อเพื่อจะไปข้างบนพระธาตุอินทร์แขวนกันครับ   เราเลือกที่จะนอนข้างบนครับเพราะกว่าจะเดินทางขึ้นไปอีกก็ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง  
เลยเลือกที่จะสัมผัสบรรยากาศข้างบนเพื่อตื่นมาตอนเช้าแล้วค่อยกลับลงมา

อันนี้แหละครับที่เขาเรียกรถขนหมูนั่งกันแบบสุดคุ้มเลยทีเดียวเอาไม้พาดให้นั่งเป็นแถวนั่งแถวละหกคน เต็มก็ออกรถ

แต่ขอบอกว่าความรู้สึกตอนขึ้นรถขนหมูนั้นมันมีทั้งความอึดอัดยัดเยียดมองอะไรไม่เห็นทั้งร้อนทั้งกลัว เป็นตายเท่ากันครับเราฝากชีวิตไว้กับ คนขับอย่างเดียวเพราะคิดว่าคือความชำนาญการพิเศษ ทุกอย่างปล่อยให้มันเป็นไปครับ แต่แปลกชาวบ้านกลับมีความสนุกสนานหัวเราะกับความหวาดเสียวเสมือนมันคือเครื่องเล่นชนิดหนึ่งของพวกเขา 

พี่คนนี้มารอทั้งไปและกลับครับ  ราคาก็ประมาณ 20 บาท ไม่แพงเลยเขารับเงินไทยครับ

คนท้องถิ่นเตรียมพร้อมสำหรับการมาค้างคืน

พระธาตุอินทร์แขวน

กลางคืนก็จุดเทียนสัการะบูชาตามสถานที่ต่างๆ

พอตกเช้าเดินสำรวจนิดหน่อยเราก็อำลาพระธาตุอินแขวนมุ่งหน้าสู่เมาะละแหม่ง เราเดินทางโดยรถบัสไปเมือง เมาะละแหม่งการเดินทางก็ไม่ยุ่งยากครับลงมาที่แคมป์หรือท่ารถก็หารถไปเมาะละแหม่งได้เลยปกติจะมีบริษัทเดินรถอยู่แล้วขึ้นอยู่กับจะไปกี่โมงแต่วันนั้นเราลงมาเช้าและรถยังไม่ถึงเวลารถออกเราเลยตัดสินใจขึ้นรถบัสเพื่อไปต่อเมืองที่ใกล้ที่สุดแล้วต่อรถบัสไปอีกทีพี่พม่าเขาจัดการให้หมดเพราะเราจ่ายเงินแล้ว แค่นั่งสองต่อใช้เวลาประมาณ 4 ชม.

มาถึงละครับขนส่งเมาะละแหม่งหรือเมาะลำไยแล้วเราก็นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปที่พัก บรรยากาศห้องพักมีทั้งแบบดอมคือนอนรวมกันและแบบแยกราคาก็ไม่แพงมาก 500-600 บาท แล้วแต่ห้องที่เราเลือกครับ

ตลาดของชาวมอญที่เมืองนี้คือเมืองที่เป็นศูนย์รวมชาวมอญ เขาไม่ค่อยได้เห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยสักเท่าไหร่ และส่วนมากก็สื่อสารภาษาไทยได้เพราะมีหลายคนเคยมาทำงานที่เมืองไทยไปเดินเล่นชมเมืองกัน เมาะละแหม่งเป็นเมืองตากอาศของฝรั่งผู้ดี ที่เมื่อก่อนอังกฤษยึดครองและน่าจะเป็นเมืองเดียวที่มีฝรั่งอยู่และใกล้ทางภาคเหนือของเราคือเชียงใหม่และฝั่งแม่สอดยุคนั้นใครที่มีเงินก็จะมาร่ำเรียนภาษาที่เมืองนี้เลยเกิดเป็นตำนาน เจ้าน้อยสุขเกษมกับมะเมียะครับ รายละเอียดลองศึกษาดูแต่ผมจะพาไปชมความงามเมืองที่ติดทะเลและฝรั่งชอบมาเที่ยวรู้สึกถึงการพักผ่อนและรู้สึกตอนนี้เขาจะใกล้จะเปิดเส้นทางเดินรถที่มาจากฝั่งแม่สอดแล้วนะครับจะใกล้มากแค่ ร้อยกว่าโลหากใครอยากมาเที่ยวแต่อาจจะต้องศึกษาดีๆเพราะเห็นมีด่านเรียกเก็บเงินเป็นระยะๆ

นั่งดูตะวันตกดิน  ไปนอนก่อนนะครับ เดี่ยวเราก็จะกลับไปย่างกุ้งอีกครั้งเพื่อกลับสู่เชียงใหม่

หลังจากเที่ยวเมาะละแหม่ง  เราก็นั่งรถไฟกลับมาที่ย่างกุ้งครับ  ก็ถือว่าประหยัดค่าโรงแรมนั่งกลางคืนถึงเช้า ที่ย่างกุ้งพอดี

เก็บของพักผ่อน แล้วเราจะไปเดินตลาดสดกันครับ

หาไรกินตอนเช้า 

เดินตลาดเรายังเห็นเครื่องชั่งตวงแบบโบราณกันอยู่นะครับ

 


บรรยากาศตลาดก็อยู่ใกล้ไชน่าทาว เห็นบรรยากาศวิถีชีวิต ร่วมกับการจับจ่ายใช้สอย

อาหารชาวพม่าส่วนใหญ่จะมีนำ้พริกและผักกับแกล้ม คล้ายทางเหนือบ้านเรา

อาหารที่แนะนำเวลาตอนกลางคืนให้ไปเดินย่านไชน่าทาวน์ และหาร้านข้ามต้มพร้อมเต้าหู้มีตีนไก่ด้วยนะครับ มีหลายร้านครับแต่แนะนำร้านฝั่งเดียวกับศาลเจ้า

 

 

 

ฝากความเห็น




x