Trends & Lifestyle

 

เปิดเมืองแปลกกรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ดินแดนแห่งอัคคี

โพสต์เฉพาะกิจนี้ อยากจะนำเสนอสถานที่แปลกๆ ใหม่ๆ ว่ายังมีหลายที่ในโลกใบนี้ที่เมืองสวยและค่าครองชีพไม่ต่างจากเชียงใหม่

ประเทศอาเซอร์ไบจานตั้งอยู่ในจุดที่เป็นรอยต่อระหว่างยุโรปตะวันออกและเอเชียตะวันตก เมืองหลวงชื่อกรุงบากูอยู่ติดทะเลสาบแคสเปียน ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้จะเป็นประเทศที่แยกตัวออกมาจากอดีตสหภาพโซเวียตมาได้ไม่กี่สิบปี แต่มีประวัติศาสตร์ที่มาอันยาวนาน

ทันทีที่บินลง Heydar Aliyev Internation Airport (GYD) ก็จะเห็นถึงความสวยงามอลังการของสนามบินที่นี่ ซึ่งได้รับการจัดอันดับจาก Skytrax ว่าเป็นสนามบินระดับ 5 ดาวที่ดีที่สุดในภูมิภาครัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS (ประเทศที่แยกตัวออกมาจากอดีตสภาพโซเวียต) ที่สนามบินมี Free WiFi นะ

จากกรุงเทพฯ มีตัวเลือกสายการบินหลากหลายที่บินมาถึงกรุงบากู โดยจะต้องเปลี่ยนเครื่อง 1 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นสายการบินของกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น Emirates, Etihad, Qatar, Gulf Air เป็นต้น

หลังจากผ่าน ตม. และรับกระเป๋าแล้ว สามารถหาซื้อซิมมือถือได้เลย (จะมีราคาแพงกว่าในเมือง) ที่อาเซอร์ไบจานมีผู้ให้บริการมือถือหลักๆ 3 รายคือ Azercell, Bakcell และ Nar แนะนำเครือข่าย Azercell เพราะเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากกว่า


Old City of Baku (Ichari Sheher) เป็นเขตเมืองเก่าของกรุงบากู ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโกเป็นที่แรกของประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2543 มีตึกแบบเก่าๆ สวยงามมากมาย และมีผู้คนอาศัยอยู่ในบริเวณเมืองเก่าหลายพันคน

สถานที่รถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือ: Icherisheher Station ออกมาก็จะเจอประตูเข้าโซนเมืองเก่าบากูครับ


Flame Towers หนึ่งในสัญลักษณ์ความทันสมัยของประเทศอาเซอร์ไบจาน โดยเป็นอาคารทั้งหมด 3 หลังมีรูปร่างคล้ายเปลวไฟ ภายในอาคารจะมีส่วนที่เป็นที่พักอาศัย โรงแรม และสำนักงาน ในตอนกลางคืนช่วงประมาณใกล้ๆ 3 ทุ่ม จะมีการแสดงแสงสีที่ตัวอาคารทั้งสาม แปลเป็นสัญลักษณ์หรือภาพต่างๆ อย่างสวยงามอีกด้วย


Upland Park กรุงบากู จะเป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนเนินสูงของเมือง โดยมีรถรางที่สามารถใช้บริการได้ด้วยราคา 1 AZN (ประมาณ 19 บาท) หรือถ้าใครฟิตหน่อยจะเดินขึ้นก็ได้ แต่เหนื่อยนะ! แนะนำให้ขึ้นรถรางและเดินบันไดลงจะดีกว่า บริเวณ Upland Park จะเป็นจุดชมวิวกรุงบากูที่ดีที่สุด เพราะจะเห็นความสวยงามของตัวเมืองทั้งหมดที่ตั้งอยู่ทะเลสาบแคสเปียน

สถานที่รถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือ: Icherisheher Station จากนั้นพิมพ์ว่า Funicular ใน Google Map และเดินไปขึ้นได้เลย

ในตัวเมืองกรุงบากู มีอาคารสวยงามแบบต่างๆ มากมาย ทั้งอาคารแบบยุโรป แบบอดีดสหภาพโซเวียต หรือแบบอาหรับ แค่มาเดินถ่ายรูปอาคารสวยๆ ทั้งวันก็คุ้มค่ามากๆ แล้วครับ


หลายๆ เมืองจะมีการสร้างชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์เพื่อเป็นจุดเด่น ที่กรุงบากูก็เช่นกัน ที่นี่มี Baku Eye ตั้งอยู่บริเวณ Baku Boulevard (Dənizkənarı Milli Park) อันเป็นทางเดินเลียบทะเลสาบแคสเปียน ซึ่งทางเดินนี้มีความยาวมากเป็นอันดับสองของโลก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2452 ตลอดเส้นทางเดินมีจุดถ่ายรูปสวยๆ เต็มไปหมด บรรยากาศร่มรืน ผู้คนงานดีเพียบ!


อาคารที่เป็นที่สุดของความเก๋ในกรุงบากูต้องยกให้ที่นี่! ศูนย์เฮดา อาลิเยฟ (Heydar Aliyev Center)  ภายในอาคารจะมีพิพิธภัณฑ์รถโบราณ มีงานศิลป์ทั้งในและนอกอาคาร หรือบางครั้งก็ใช้เป็นที่จัดอีเว้นท์ที่น่าสนใจต่างๆ

ใครชอบพวกสถาปัตยกรรมต้องแวะมาดูให้ได้ ผู้ออกแบบเป็นสถาปนิกลูกครึ่งอังกฤษ-อิรัก อาคารนี้ได้รับรางวัลการออกแบบพิพิธภัณฑ์ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกประจำปี 2557

สถานที่รถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือ: Nariman Narimanov Station จากนั้นให้พิมพ์ใน Google ว่า Heydar Aliyev Center จะใช้เวลาเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตรครับ แนะนำให้ไปช่วงเช้าเพราะคนยังมาถ่ายรูปไม่เยอะครับ


ที่กรุงบากูมีรถไฟใต้ดินวิ่งครอบคลุมทุกจุดในเมือง แต่ไปไม่ถึงสนามบินนะ เพราะสนามบินตั้งอยู่ห่างจากเมืองมาก ต้องนั่ง Airport Express Bus เข้ามาในเมืองครับ สถานีรถไฟใต้ดินในภาพคือ Nizami Station ซึ่งถือว่าเป็นสถานีที่มีความสวยงาม แอดเห็นมาหลายๆ สถานีก็คิดว่าจะมีการตกแต่ง และสถาปัตยกรรมที่มีกลิ่นไอของอดีตสหภาพโซเวียตอยู่มากๆ

ตอนอยู่สนามบิน ให้หาซื้อ Baku Card ด้วยนะครับ จะมากี่คนก็แล้วแต่ ให้ซื้อแค่ใบเดียว และเติมเงินเข้าไป เอาไว้ใช้ขึ้น Airport Express Bus, Metro และรถบัส เวลาใช้ก็แตะขึ้นและส่งให้คนต่อไปใช้ ที่นี่ค่า Metro กับรถบัสถูกมาก! ครั้งละ AZN 0.3 (ประมาณ 5 บาท) ส่วน Airport Express Bus อยู่ที่คนละ AZN 1.3 (25 บาท) ครับ


อยากหามุมดูเมืองเก๋แบบ 360 องศายามค่ำคืน แนะนำให้ไปที่ 360 Bar, โรงแรม Hilton Baku ชั้น 25 สั่งดริงก์อะไรก็ได้เลือกได้ตามอัธยาศัย ราคากระเป๋าไม่ฉีก พนักงานบริการดีมาก บริเวณเล้าจน์จะมีที่นั่งโซฟาหลากหลายแบบ และค่อยๆ หมุนไปช้าๆ (ไม่เวียนหัวแน่นอน) ทำให้ได้เห็นกรุงบากูครบทุกมุม หากนั่งถึงประมาณซัก 3 ทุ่ม ก็จะเป็นเวลาที่ Flame Towers จัดแสดงแสงสีของอาคารพอดี คุ้มสุดๆ

สถานที่รถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือ: Sahil Station และพิมพ์ใน Google Map ว่า Hilton Baku เดินต่อไปประมาณ 500 เมตรครับ


 

ที่กรุงบากูนี่สังเกตได้อย่างหนึ่งคือไม่เจอสุนัขข้างถนน แต่กลับเจอแมวตามมุมเมืองต่างๆ เยอะพอสมควร ร้านขนมปังที่ขายตามริมถนนก็ราคาไม่แพงเลย แอดลองซื้อมากิน 2-3 แบบ ขายที่ชิ้นละ AZN 0.50 (เกือบ 10 บาท) อร่อยมากครับ บางแบบก็เพิ่งทำเสร็จออกจากเตาสดๆ ร้อนๆ แต่ขนมปังที่นี่เขาใส่ถุงพลาสติกใสๆ อาจจะรู้สึกแปลกๆ บ้าง ที่พอช่วยรักษ์โลกได้บ้างคือบอกให้คนขายใส่ขนมปังทุกอย่างลงในถุงเดียวกันครับ


ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอาเซอร์ไบจานนับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้นอาหารทั่วไปจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อวัว หรือเนื้อแกะ ค่าอาหารโดยเฉพาะถือว่าไม่ได้ต่างจากบ้านเราเท่าไร แอดมินเข้าฟาสฟู้ดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆ คือวันแรกที่มาถึงในเมืองแล้วหิวมาก ไม่รู้จะกินอะไร เลยเข้าเคเอฟซีซึ่งราคาก็ไม่ต่างบ้านเราเท่าไร
ร้านอาหารเท่าที่นั่งทาน เวลาสั่งอาหารเสร็จแล้ว พนักงานจะเอาขนมปังมาเสิร์ฟให้ทานเล่นก่อน มาที่นี่อยากให้ลองสั่งซุปดู ซุปอะไรก็ได้อร่อยหมด ราคาไม่แพง ในภาพเป็นซุปฟักทองครับ และก็เป็นขนมปังข้างในเป็นไส้ไก่ ส่วนขนมทรงข้าวหลามตัดนั้นเรียกว่า “Baklava” เป็นแบบสไตล์ของอาเซอร์ไบจาน รสชาติหวานได้ใจเลยครับ มื้อนี้จ่ายไปประมาณ AZN 10 (190 บาท)


ภาพนี้เป็นอีกหนึ่งมื้อที่แอดกับเพื่อนกินเป็นมื้อเที่ยง แต่ร้านนี้จะมีแถว Nizami Street ซึ่งถือว่าเป็นย่านช้อปปิ้งหลักของกรุงบากู สนนราคาจึงออกมาแพงกว่าภาพก่อนหน้าคือ AZN 20 (380 บาท) ซุปเป็นซุปถั่วอร่อยดี ส่วนจากที่เป็นข้าวนั้นมีลักษณะเม็ดคล้ายๆ ลูกเดือย แรปไส้ไก่ก็อร่อยใช้ได้ และลองสั่งขนม Baklava ซึ่งในภาพนี้เป็นแบบสไตล์ตุรกี จะมีราคาถูกกว่าสไตล์ของอาเซอร์ไบจาน รสชาติหวานไม่แตกต่างกันเลยจ้า

เครื่องดื่มแก้วที่มีสีขาวๆ นั้นคือโยเกิร์ตปั่น ตั้งใจสั่งมาเพราะอยากกินอะไรหวานๆ บ้าง แต่มันไม่ใช่เลย เพราะโยเกิร์ตเป็นรสเค็ม (แอบพลาด)! โชคดีที่เวลาดื่มคู่กับของหวาน Baklava นั้น รสชาติเข้ากันได้อยู่ครับ


ด้วยความที่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนประชากรในกรุงบากูประมาณ 2 ล้านคน จึงไม่แปลกที่จะพบร้านกาแฟเก๋ๆ ชิคๆ กระจายตามจุดต่างๆ ในเมือง แอดเน้นหาอ่านรีวิวจาก TripAdvisor และ Google เพื่อที่จะมั่นใจว่าเราไปร้านที่อาหาร/เครื่องดื่มอร่อย พนักงานบริการดี


แอดเลือกมาร้าน United Coffee Beans นี้เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่พัก และได้รีวิวดี มาถึงก็ไม่ผิดหวังเพราะการตกแต่งร้านสวยงาม เปิดตั้งแต่ 08.30 น. (ยกเว้นวันอาทิตย์เปิด 10.00 น.) ซึ่งถือว่าเป็นร้านที่เปิดเช้าแล้ว สั่งลาเต้ร้อนแก้วละ AZN 4.90 (93 บาท) รสชาติใช้ได้เลยครับ WiFi แรง นั่งถ่ายรูปอัพโซเชียลได้ทันใจ


Gobustan Rock Art Landscape อยู่ห่างจากกรุงบากูออกมาไม่ไกลมาก แต่จะพบกับภูมิประเทศอีกแบบหนึ่งที่ต่างจากในเมืองหลวงโดยสิ้นเชิง (ประเทศอาเซอร์ไบจานแม้จะมีพื้นที่ไม่มาก แต่ก็มีระบบความซับซ้อนของภูมิประเทศและภูมิอากาศค่อนข้างสูง) บริเวณแถบนี้มีลักษณะคล้ายกึ่งทะเลทราย และมีภูเขาหินที่มีก้อนหินใหญ่น้อยเรียงรายเต็มไปหมด


จุดเด่นของที่ Gobustan Rock Art Landscape นี้คือมีภาพเขียนยุคก่อนประวัติศาสตร์กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ คาดว่าภาพเขียนเหล่างนี้มีอายุเฉลี่ย 5,000 – 20,000 ปี ปัจจุบันสถานที่นี้ถือเป็นหนึ่งในอุทยานมรดกโลกของยูเนสโก

วิธีการไปที่ง่ายที่สุดคือหาซื้อ One-day Tour ครับ แอดมินซื้อจาก Tes Tour Baku เพราะมีรีวิวที่ดีจาก TripAdvisor ครับ


ประมาณกันว่าในโลกนี้มีภูเขาโคลนอยู่ 800 แห่ง แต่อยู่ที่อาเซอร์ไบจานมากถึง 350 แห่งกระจายตัวทั้งบนแผ่นดินและใต้ทะเลสาบแคสเปียน ความประหลาดอีกอย่างหนึ่งคือโคลนที่นี่เป็นโคลนเย็น! ไม่ใช่โคลนร้อนเหมือนที่อื่นๆ ของโลก โดยจะมีก๊าซธรรมชาติใต้ดินผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ นอกจากดินโคลนแล้วยังมีส่วนผสมของน้ำมันดิบ น้ำ รวมถึงแร่ธาตุอื่นๆ ด้วย แอดมินเห็นมีคนลงไปพอกตัวด้วย แต่ส่วนตัวไม่กล้าทำครับ

วิธีการไปที่ง่ายที่สุดคือหาซื้อ One-day Tour ครับ แอดมินซื้อจาก Tes Tour Baku เพราะมีรีวิวที่ดีจาก TripAdvisor ครับ


Ateshgah: Temple of Fire
อาเซอร์ไบจานเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ในหลายพันปี ในโบราณกาลนั้น ผู้คนแถบนี้จะนับถือลัทธิบูชาไฟ ก่อนที่ศาสนาอิสลามจะมาถึงในภายหลัง ศาสนสถานแห่งนี้คาดว่ามีอายุมาหลายร้อยปีแล้ว และพบคำจารึกตามจุดต่างๆ เป็นอักขระ 2 ภาษาคือภาษาเปอร์เซียและสันสกฤต เข้าไปเดินแล้วมีความขลังและสวยมากครับ

วิธีการไปที่ง่ายที่สุดคือหาซื้อ One-day Tour ครับ แอดมินซื้อจาก Tes Tour Baku เพราะมีรีวิวที่ดีจาก TripAdvisor ครับ

- มีภาษาเป็นของตนเอง (ใช้ภาษาอาเซอร์ไบจาน มีความคล้ายคลึงกับภาษาตุรกี)
- ค่าเงินคืออาเซอร์ไบจานิ มานัต (Azerbaijani Manat: AZN) 1 AZN ประมาณเกือบ 19 บาท
- เวลาช้ากว่าประเทศไทยไป 3 ชั่วโมง
- มีภูเขาไฟโคลนจำนวนมากที่สุดในโลก
- เป็นประเทศที่มีน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับ 3 ของโลก และมีก๊าซธรรมชาติเยอะเช่นกัน จึงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งอัคคี มีเนินเขาที่มีไฟลุกโชติช่วงชัชวาลย์ตามธรรมชาติมาไม่น้อยกว่า 4,000 ปี
- กรุงบากูนั้นมีทั้งตัวเมืองเก่าที่สวยงาม ได้ขึ้นเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโก และส่วนที่เป็นตัวเมืองใหม่อันทันสมัย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้จัดแข่งรถ F1 Formula มาหลายปี และจะเป็นหนึ่งในเมืองที่จะเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอล EURO 2020
- ค่าครองชีพไม่ต่างจากอยู่เชียงใหม่ และบางอย่างก็อาจจะถูกกว่า เช่น ค่าขึ้นรถไฟใต้ดินหรือรถบัสในเมืองเพียงครั้งละ 5 บาท ขนมปังก็ราคาไม่แพงหาแอดของซื้อชิ้นละ 10 บาทมากินก็อร่อยมาก ผักผลไม้สดก็ดูน่ากินและราคาไม่แพง
- เป็นประเทศที่เคยมีระบบการขอวีซ่าที่วุ่นวายมาก แต่เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว รัฐบาลได้ปรับระบบเป็นการขอ E-Visa ผ่านลิงก์ https://evisa.gov.az/en/ ซึ่งของ่ายมากๆ (เพียงกรอกข้อมูลส่วนตัว อัพแค่รูปหน้าพาสปอร์ต และจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าแค่นี้จบ!) จนปัจจุบันถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการขอ E-Visa ที่ง่ายที่สุดในโลก

ฝากความเห็น




x